อักษรวิ่ง

เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

อาหารยอดนิยมในจังหวัดสมุทรสาคร

1 .ลอดช่องวัดเจษฯ
     เป็นลอดช่องชื่อดังของสมุทรสาคร อยู่ในย่านหมาชัย น้ำกระทิที่เข้มข้นหอมหวาน เนื้อลอดช่องมีความนุ่มหนึบหนับ ชวนให้มีความอยากกิน






2.ครัวเจ้าพระยา
     เป็นร้านอาหารอร่อย บรรยากาศดี อาหารทะเลสดๆใหม่ๆทุกจาน รสชาติอร่อยทุกคำ และยังได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศริมทะเลที่มีความสวยงามตามธรรมชาติอีกด้วย นักชิมไม่ควรพลาดเลยทีเดียว





เมนูแนะนำของทางร้าน คือ       
         ปลาทูซาเตี๊ยะ 


       ห่อหมกเจ้าพระยา 








วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2562

ที่เที่ยวในจังหวัดสมุทรสาคร

มหาชัย



    ตลาดมหาชัย เป็นตลาดสดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนและก็ตั้งอยู่ใกล้กับป้อมวิเชียรโชฎกศาลหลักเมืองและศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร มีหอนาฬิกาท่าเรือเป็นจุดบอกสถานที่ มีท่าเรือข้ามฝากมหาชัย-ท่าฉลอมที่สามารถข้ามฝั่งไปยังตำบลท่าฉลอมได้ มีสถานีรถไฟที่ใช้เดินทางเข้ากรุงเทพ คือสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ มีท่าเรือ มีท่ารถตู้อยู่ถนนด้านข้างศาลากลางจังหวัด ตลาดสดแห่งนี้เป็นแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลนานาชนิด มีจุดพักผ่อนชมวิวคือท่าเรือและเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
     วัดโกรกกราก


        มีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนได้เกิดโรคตาแดงระบาดทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงพากันบนบานต่อหน้าพระองค์นี้ว่า หากหายจากอาการตาแดง จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาของท่าน ปรากฏว่าชาวบ้านเกือบทั้งหมดหายจากโรคตาแดงจริงๆ เลยแห่กันนำแผ่นทองมาปิดจนเต็มดวงตาขององค์พระ ภายหลังเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้นต้องใช้กลอุบายด้วยการสวมแว่นตาดำให้องค์พระแทน ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนมาถวายแว่นตาดำนับตั้งแต่นั้น

ที่ตั้ง : ถนนธรรมคุณากร ตำบลโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร



     ศาลพันท้ายนรสิงห์



         ศาลพันท้ายนรสิงห์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดีแก่พันท้ายนรสิงห์ ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ ด้านล่างของศาลมีเรือไม้ซึ่งทำจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ผู้คนนิยมมาขอพรให้ประสบความสำเร็จ เมื่อสำเร็จก็แก้บนด้วยการชกมวย หรือนำรูปปั้นไก่ ไม้พายมาถวาย เพราะตามประวัติท่านชอบชกมวยและตีไก่นั่นเองค่ะ

ที่ตั้ง : วัดพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
ประวัติความเป็นมา   
              เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เนื้อความเป็นไปในแบบเดียวกัน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2247 (จุลศักราช 1066) สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ดด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัย มีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย ตามหลักฐานชุมนุมพระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ว่า ทันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 จนทรงพระกรุณา         โปรดเกล้าฯ ให้รับราชการรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด
               การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีครั้งนั้น เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม คลองในบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวัง แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้       หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่า ความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศรีษะเสีย จึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี       สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานพระอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลยืนยันขอให้ตัดศรีษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมพระราชกำหนดกฎหมายเป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไปพระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศรีษะรูปดินนั้นเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังกราบบังคมทูลยืนยันขอให้ประหารตน แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจำพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนดดำรัสสั่งให้เพชรฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์เสีย แล้วโปรดให้ตั้งศาล สูงประมาณเพียงตา นำศรีษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล










วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562

คำขวัญประจำจังหวัด

Cquote1.png

เมืองประมง ดงโรงงาน 

ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์

Cquote2.png




ประวัติศาสตร์
มุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเล ตั้งอยู่ปากแม่น้ำท่าจีน หลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมุทรสาครเดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชาวจีนนำเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและได้พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกว่า บ้านท่าจีน ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ในรัชสมัยสมเด็พระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2099) ได้โปรดให้ยกฐานะบ้านท่าจีนขึ้นเป็น เมืองสาครบุรี เพื่อเป็นหัวเมืองสำหรับเรียกระดมพลในช่วงสงคราม และเป็นเมืองด่านหน้าป้องกันผู้รุกรานทางทะเล
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงโปรดให้เปลี่ยนชื่อเมืองสาครบุรีเป็น เมืองสมุทรสาคร ต่อมาในปี พ.ศ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีพระราชดำริที่จะทรงปฏิรูปการปกครองบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นมณฑลเทศาภิบาล และมีพระราชดำริที่จะสร้างความเจริญให้แก่ท้องถิ่น โดยใช้รูปแบบการปกครองแบบสุขาภิบาล และเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2448 มีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาล โดยเรียกว่า สุขาภิบาลท่าฉลอม ถือได้ว่าเป็นสุขาภิบาลที่ตั้งขึ้นในหัวเมืองเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) (พ.ศ. 2456) โปรดเกล้าให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่งในพระราชอาณาจักร “เมืองสมุทรสาคร” จึงได้เปลี่ยนเป็น จังหวัดสมุทรสาคร มาจวบจนปัจจุบัน